ตามโปรแกรมวันนี้จะเป็นการไปเก็บตกในเมือง Kumamoto ที่วันก่อนมีเวลาแค่ตอนเย็นนิดเดียว ปกติเริ่มจากที่ Hakata ถ้านั่งชินคันเซ็นไปก็ใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง แต่ช่วงเช้าวันนี้มีเหตุผลให้ต้องออกนอกเส้นทางเล็กน้อย
แทนที่จะนั่งชินคันเซ็นตรงไป Kumamoto เลย ผมขึ้นรถ Ltd. Express Midori ที่มุ่งหน้าไปทาง Nagasaki แทน
Midori Express ขบวนที่นั่งนี่เป็นตู้ที่พ่วงกับขบวนที่มุ่งหน้าไปยังสวนสนุกเฮาส์เท่นบอสช์ (Huis Ten Bosch) ด้วย ซึ่งสวนสนุกนี่จะเป็น theme หมู่บ้านยุโรป เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่ขึ้นชื่อของ Nagasaki แต่ถ้าจะไปต้องมีเวลาทั้งวันเต็มๆ ถึงจะพอเที่ยวได้ทั่ว (ซึ่งไม่มี)
เป้าหมายคือสถานี Takeo-Onsen ใช้เวลาเดินทาง 1 ชม. 8 นาที
กาแฟดำรองท้อง
ร้านขายอุด้ง/โซบะ แบบยืนกินตามสถานี
สองข้างทางก็เป็นบ้านนอกคิวชู มีแต่ทุ่งหญ้าทุ่งนา
เหตุผลของการมาที่สถานี Takeo-Onsen นี่คือมาตามหาข้าวกล่อง Calbi Yakiniku 極上カルビ焼肉弁当 ที่มีขายเฉพาะที่สถานีนี้เท่านั้น ความพิเศษของข้าวกล่องนี่คือเป็นข้าวกล่องที่ชนะการประกวดข้าวกล่องของภูมิภาคคิวชูปีล่าสุด
พอถึงสถานี Takeo-Onsen แล้วผมจะมีเวลาตามหาร้าน + ซื้อข้าวกล่อง 11 นาที ก่อนจะนั่งรถ Ltd. Express Midori อีกขบวนนึงย้อนกลับทางเดิมไปถึงสถานี Shin-Tosu เพื่อขึ้นชินคันเซ็นไป Kumamoto ตามเป้าหมายเดิม
อาจจะดูยุ่งยากหน่อย แต่ด้วยระบบรถไฟของญี่ปุ่นที่มีระเบียบ มีข้อมูลชัดเจน และตรงต่อเวลา ถ้าทำการบ้านมาให้ละเอียดหน่อย ก็ไม่ใช่เรื่องลำบากอะไรนัก
ในที่สุดก็ได้มาในราคา 1,620 เยน ถือว่าเป็นข้าวกล่องที่ค่อนข้างแพงเลยเมื่อเทียบกับที่อื่นๆ ก็อาศัยจังหวะที่นั่งรถย้อนกลับเป็นโอกาสกินได้เลย
เปิดกล่องมาหน้าตาแบบนี้ ยังอุ่นๆ อยู่เลย
ส่วนรสชาติก็สมกับที่ได้อันดับหนึ่ง เนื้อปรุงรสมาดี ย่างได้พอเหมาะ รสชาติจะเข้ม+น้ำมันเยอะไปนิดนึงแต่กินกับข้าวญี่ปุ่นแล้วจะเข้ากันกำลังดี
หลังจากกินเสร็จ และมาถึงสถานี Shin-Tosu แล้วก็ต่อชินคันเซ็นไป Kumamoto ใช้เวลาแค่ 34 นาทีเท่านั้น สรุปว่าออกจาก Hakata 7:30 ไปหาข้าวเช้ากินที่ Takeo-Onsen แล้วก็ยังไปถึง Kumamoto ได้ตอน 10:05 ยังมีเวลาเที่ยวอีกเต็มๆ วัน และค่าตั๋วรถไฟไปๆ มาๆ ทั้งหมดนี่สามารถใช้ JR Pass ผ่านได้หมด
มาถึงสถานี Kumamoto เดินผ่านร้านขายข้าวกล่องก็เจอข้าวกล่องอายุยะซันไดที่ตามหาเมื่อวันก่อน วางขายต่อหน้าต่อตา แต่เพิ่งกินข้าวเช้าไปหมาดๆ ก็ต้องตัดใจ
การเดินทางใน Kumamoto ถ้าใช้รถรางจะราคาเดียวเที่ยวละ 150 เยน ใช้บัตร Suica จ่ายก็ได้ สะดวกดี แต่ถ้าใครคิดว่าจะนั่งมากกว่า 3 เที่ยว แนะนำให้ซื้อ Day Pass ราคา 500 เยนจะคุ้มกว่า สำหรับผมคิดคร่าวๆ แล้วนั่งไม่เกิน 3 เที่ยวแน่ๆ เลยไม่ได้ซื้อ
ที่แรกของวันนี้คือมา Kumamoto Contemporary Art Museum ที่มีแสดงนิทรรศการการออกแบบความสุขของ Eiji Mitooka อยู่พอดี
สำหรับคนที่ไม่รู้จัก Eiji Mitooka เป็นนักออกแบบ นักวาดลายเส้น และทำงานเป็นที่ปรึกษาให้กับ JR คิวชู ผลงานเด่นของเค้าคือการออกแบบรถไฟท่องเที่ยวหลายขบวนในภูมิภาคนี้ ในนิทรรศการก็จะมีทั้งผลงานลายเส้น แบบจำลอง รวมทั้งข้าวของเครื่องใช้ที่ใช้กันจริงๆ บนรถไฟ ที่มีการออกแบบโดยคำนึงถึง experience ของผู้ใช้งาน
แบบจำลองของรถไฟขบวน Yufuin no Mori ที่นำเอารถไฟ Kiha รุ่นเก่ามาดัดแปลงเป็นรถไฟท่องเที่ยว
ของใช้จาก Seven Stars รถไฟขบวนหรูหราอลังการเจ็ดดาว
ที่นั่งแบบต่างๆ จากรถไฟหลายๆ ขบวน ที่ออกแบบหน้าตาต่างกัน วัสดุต่างกัน ซึ่งจะให้สัมผัสในการใช้งานแตกต่างกันไป
มีตัวอย่างงานออกแบบให้ดู
เจ้าแมวทามะ นี่ก็ผลงานของ Mitooka
โปสเตอร์บอกว่านิทรรศการต่อไปที่จะจัดคือแสดงผลงานของ Yoshitaka Amano ที่เราคุ้นเคยลายเส้นกันมาจากเกม Final Fantasy น่ะเอง น่าดูมากๆ แต่ไม่มีโอกาส
Leave a Reply