หลังจากเดินทางหลายต่อ เป็นเวลาร่วมหลายชั่วโมง ในที่สุดก็ขึ้นมาถึงปากปล่องภูเขาไฟได้สักที แต่สภาพอากาศขมุกขมัว มีเมฆหมอกเยอะ ฝนตกปรอยๆ ตลอดเวลา มีลมพัดแรงเป็นช่วงๆ แบบนี้ก็ดูจะไม่เป็นใจให้เดินดูอะไรสักเท่าไหร่
เหล่าคุณลุงกรุ๊ปทัวร์เกาหลีที่ขึ้นกระเช้ามาเที่ยวเดียวกันดูจะเซ็งอยู่ไม่น้อย เพราะมองไปไม่เห็นอะไร ถ่ายรูปก็ไม่ติดวิวอะไร
มองย้อนกลับไปก็เจอหมอกเยอะจนมองไม่เห็นอาคารที่จอดกระเช้าซะแล้ว อากาศบนนี้ก็ค่อนข้างหนาว (บนนี้สูงราวๆ 1,592 เมตรจากระดับน้ำทะเล) ผมที่ใส่แค่เสื้อยืด+กางเกงสี่ส่วน พอเจอลมพัดมาทีนึงก็สั่นอยู่เหมือนกัน
รอบปากปล่องภูเขาไฟจะมีทางเดินรอบๆ มีรั้วกั้น
ลองมองลงไปในปล่องก็ไม่เห็นอะไรเลย T-T
ในเมื่อมองไม่เห็นอะไร แต่ไม่อยากมาให้เสียเที่ยว ก็เลยเดินดูแถวนั้นให้ทั่วๆ สักพักนึงก่อนกลับลงไป
อันนี้เป็นที่หลบภัย กรณีภูเขาไฟเกิดปะทุขึ้นมา จังหวะแบบนี้ก็เข้าไปหลบฝนได้
ผมนั่งพักอยู่ในที่หลบภัยพักนึง เตรียมตัวจะกลับลงไปที่ตีนเขา แต่พอดีว่าเป็นจังหวะที่ฝนหยุดตกพอดี ลมพัดหอบเอาหมอกที่มีไปด้วย ทำให้ทัศนวิสัยดีขึ้นมาทันตา
พอเดินไปที่จุดชมวิวอีกครั้ง ก็ได้เห็นปล่องภูเขาไฟชัดกว่าทีแรกอยู่ ตามรูปคือเห็นควันพุ่งขึ้นมา มีน้ำสีฟ้าๆ เดือดอยู่ แต่ก็ชัดสุดได้แค่เท่าที่เห็นในรูป ก่อนที่ฝนจะเริ่มมาอีกระลอก
ขากลับตามแผนคือจะไม่นั่งกระเช้า แต่จะเดินลงไปที่ตีนเขาแทน ถามทางจากเจ้าหน้าที่แถวนั้นแล้วเค้าก็บอกให้เดินลงตามทางที่ขนานกับถนนไป จากที่หาข้อมูลก่อนมา เค้าก็บอกว่าคนส่วนใหญ่นิยมนั่งกระเช้าเฉพาะขาขึ้นมา แล้วเดินลงเอาเอง แต่ทางที่ผมเดินลงมานี่ไม่เจอใครเดินด้วยเลยสักคน
หมอกลงจัดจนน่ากลัวว่าจะเดินตกเขาเอาได้ นานๆ ทีจะมีรถขับผ่านไปสักคัน
แต่เส้นทางที่เดินลงมานี่ก็ถือว่าวิวสวยใช้ได้เลย ถ้าหมอกลงน้อยกว่านี้ และฝนไม่ตก จะสวยมาก
อีกด้านมีกระเช้าเลื่อนลงผ่านหน้าไปเห็นๆ
ใช้เวลาเดินจากปากปล่อง Nakadake Crater ลงมาที่สถานีรถกระเช้า ใช้เวลาราวๆ 30 นาที พอลงมาถึงก็เห็นรถบัสกำลังจะออกจากสถานีพอดี ถือว่าโชคดีมากๆ ไม่งั้นก็ต้องรออีกราวๆ ชม.นึงเลยกว่าจะมีเที่ยวถัดไป แต่ก็ทำให้อดถ่ายรูปบริเวณรอบๆ สถานี
กระโดดขึ้นรถบัส นั่งมาประมาณ 5 นาที ค่าตั๋ว 170 เยน จ่ายที่คนขับตอนลงจากรถ ก็จะถึง Kusasenri แล้ว
ตรง Kusasenri นี่ก็จะมีที่จอดพักรถ ร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร ห้องน้ำ แล้วก็พิพิธภัณฑ์ภูเขาไฟ
ฝั่งตรงข้ามเป็นทุ่งหญ้ากว้าง วิวสวย
Aso Volcano Museum ที่เดินไปดูด้านหน้าแล้วเหมือนจะไม่ค่อยมีอะไร กลัวเข้าไปแล้วเจอแต่ภาษาญี่ปุ่นที่อ่านไม่ออก ก็เลยไม่ได้เข้าไปดู ประหยัดตังค์
ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี ทีแรกตั้งใจว่าจะซื้อข้าวกล่องจากสถานี Kumamoto เอาติดมากินไปด้วย ชมวิวทุ่งหญ้าไปด้วย แต่ว่าซื้อไม่ทันก็เลยต้องลงเอยกับร้านแถวนี้แทน ก็ได้เป็นราเมงรสชาติธรรมดามาชามนึง กับอาซาฮีอีกกระป๋อง
ระหว่างที่กำลังกินราเมง ฝนก็หยุดตก เมฆหมอกพ้นไป อากาศดีขึ้นมาซะเฉยๆ ไม่ทันตั้งตัว กินเสร็จแล้วลงมาเดินเล่นที่ทุ่งหญ้าได้เลย
มีบึงน้ำข้างหน้า แบ็คกราวด์เป็นแนวเขา วิวดีมาก
มองกลับไปทางปากปล่องภูเขาไฟก็เห็นควันพุ่งออกมาชัดเจน ฟ้าก็ใสเสียจนอยากกลับขึ้นไปดูอีกรอบ แต่พอดูจากตารางรถบัสแล้วจะใช้เวลาเยอะเกินไป จะกลับไปสถานี Aso ไม่ทันรถไฟขากลับเที่ยวที่จองไว้
เดินกลับไปรอรถบัสที่ป้ายเดิม นั่งลงเขากลับทางเดิม ใช้เวลา 25 นาที ค่ารถ 570 เยน วิวสองข้างทางดูดีกว่าขาขึ้นมามาก
ในที่สุดก็กลับมาถึงสถานี Aso
มองย้อนกลับไปดูอีกรอบ เห็นวิวแล้วก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าคนที่อยู่แถวนี้ ใกล้ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับสนิทดี เค้าอยู่กันด้วยความรู้สึกแบบไหน
ย้อนกลับมาถ่ายจุดขายตั๋วรถบัส เดินออกมาจากสถานีเลี้ยวขวาก็จะเจอเลย ตอนขามาไม่ได้ถ่ายไว้เพราะรีบ
ด้านในสถานี Aso จะมีจุดขายตั๋วกับ Tourist Information Center สังเกตว่าประตูเข้าออกชานชาลาไม่มีแบบอัตโนมัติ เวลาจะเดินผ่านต้องยื่นตั๋วให้นายตรวจดู
ผมมีเวลาเหลือก่อนที่รถไฟจะมา ก็เดินไปดูร้านขายของท้องถิ่นที่อยู่ใกล้ๆ มีสินค้าจำพวกอาหารสด อาหารแปรรูป แล้วก็ของที่ระลึกขาย
คุมะมงทั้งแผ่นดิน
Aso เป็นเมืองอยู่ในจังหวัด Kumamoto ที่มีชื่อเสียงเรื่องเนื้อม้า ก็เลยได้เนื้อม้าแปรรูปติดมือกลับมาสองห่อ คิดว่าอุดหนุนเกษตรกรในท้องถิ่น ปรากฎว่าตอนหลังไปเจอที่สถานี Kumamoto ก็มีขายเหมือนกัน แถมขายถูกกว่าด้วย
ใกล้ได้เวลารถขบวนที่จองไว้จะมาถึงแล้ว ก็เข้าไปรอในชานชาลาได้ ซึ่งขบวนที่จองไว้นี้เป็นรถไฟท่องเที่ยว “Aso Boy!”
ความพิเศษของรถขบวนนี้คือเป็นรถที่ออกแบบมาให้ได้ความรู้สึกสนุกสนาน เหมาะกับเด็กๆ มีมาสค็อตเป็นหมาดำชื่อว่าเจ้า Kuro มีบ้านหลังเล็กอยู่ในชานชาลาเลย
ในบ้านก็มีรูปเจ้า Kuro นิดหน่อย ออกแบบได้น่ารักดี
รถไฟมาแล้ว หน้าตาเป็นสีขาวดำ ด้านหน้าขบวนเป็นกระจกบานใหญ่ เปิดให้เห็นวิวได้ชัดๆ
รถ Aso Boy นี่ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น ถึงจะมี JR Pass แต่ถ้าไม่ได้จองก็ไม่มีสิทธิ์ขึ้น ถ้าใครมาเที่ยวก็รีบจองล่วงหน้าหลายๆ วันหน่อยก็ดี
ขบวนนี้เด็กๆ เพียบ
ที่นั่งมาตรฐานจะเป็นเบาะแดงๆ แบบในรูป
ตู้ที่อยู่หัวขบวนวิวดีสุด ไม่รู้ว่าต้องจองล่วงหน้านานแค่ไหน
ในขบวน Aso Boy นี่ก็จะมีตู้สำหรับเด็กอยู่ มีของเล่นให้เล่น มีพนักงานคอยดูแล มีมุมอ่านหนังสือสำหรับเด็ก มีที่นั่งที่ออกแบบมาน่ารักๆ ให้ผู้ใหญ่นั่งกับเด็กได้
มี Kuro Cafe ขายของกินเล็กๆ น้อยๆ และเครื่องดื่ม
สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับการตลาดของคุมะมง ได้ไซเดอร์มาขวดนึง
จริงๆ แล้ว Aso Boy มันก็เป็นรถไฟที่น่ารักดี มีมุมน่ารักๆ ให้ถ่ายรูปเยอะแยะไปหมด แต่ตอนเดินไปตู้ที่มีเด็กเยอะๆ นี่น่าปวดหัวมาก ถ้าใครไม่ได้รักเด็กจริงๆ ก็ไม่น่าจะทนกับความวุ่นวายไหวนะ
ผ่านสถานีไหนก็ไม่รู้ เจอ A-Train รถไฟสายท่องเที่ยวชื่อดังอีกสายนึงจอดอยู่
ในที่สุดก็กลับมาถึงสถานี Kumamoto จนได้
รถไฟชินคันเซ็นจาก Kumamoto กลับไป Hakata ยังมีจนถึงดึก ถ้าไม่รีบกลับ ก็ยังมีเวลาสำรวจตัวเมือง Kumamoto ได้อีกหลายชั่วโมง
Leave a Reply