อย่างที่เล่าไปแล้วใน entry ก่อนว่า การมาญี่ปุ่นคราวนี้เป็นครั้งแรก แถมมาคนเดียวด้วย ส่วนความรู้ภาษาญี่ปุ่นมีอยู่ที่ระดับเรียนจบคอร์ส JD2 ของสมาคมส่งเสริมเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น (แปลว่า อ่านฮิรากานะ, คาตากะนะ ออก แต่แปลไม่ได้ + รู้คำศัพท์จำกัดมากๆ + รู้คันจิประมาณ 20 ตัว) ก็อาศัยมั่วๆ เอาเป็นหลัก
ทริปนี้นั่งเครื่องมาลงที่นาริตะ (NRT) สนามบินหลักอยู่ห่างออกไปทางตะวันออกของโตเกียว จะเข้ามาในเมืองก็ต้องนั่งรถไฟ หรือไม่ก็รถบัส มีให้เลือกหลายสายทั้งแบบด่วนมาก ด่วนน้อย หรือหวานเย็น
ตั๋วหวานเย็น ราคา 1,240 เยน
ผมจองที่พักไว้เป็น hostel แถว Asakusa ชื่อ Khaosan Tokyo Original (อยู่โตเกียว แต่ดันชื่อข้าวสาร) นอนเตียงรวมเน้นประหยัด สภาพโดยรวมก็สะอาดดี ถึงที่พัก เช็คอิน เก็บข้าวของ ก็ได้เวลาลุยโตเกียวแล้ว
การเดินทางในโตเกียว จะใช้รถไฟเป็นหลัก ซึ่งสะดวกสบายและครอบคลุมมากกว่ารถเมล์ ถ้าใช้บัตรเติมเงิน Suica ได้ก็จะสะดวกดี เพราะเวลาใช้ก็แตะเข้า แตะออก เหมือน BTS/MRT บ้านเรา ระบบจะหักเงินจากในบัตรให้เอง
มีข้อควรสังเกตนิดหน่อยคือ ถ้าใช้รถไฟยี่ห้อเดียวกันตลอดเส้นทาง ค่าตั๋วจะถูกกว่าเปลี่ยนไปขึ้นรถไฟคนละยี่ห้อ (รถไฟในโตเกียวมีหลักๆ 3 ยี่ห้อคือ JR, Tokyo Metro, Toei)
ทางเดินในรถไฟใต้ดิน Tokyo Metro
สถานที่แรกที่ไปคือ มหาวิทยาลัยโตเกียว (University of Tokyo – 東京大学 – โทได) สถานที่ที่ไปปรากฏในการ์ตูน, อนิเม หลายเรื่อง มีแคมปัสหลักอยู่ใจกลางเมือง จัดเป็นมหาลัยระดับท็อปของญี่ปุ่น (ในการ์ตูนส่วนใหญ่พวกเด็กเก่งๆ จะมีความฝันอยากเข้าโทไดด้วยกันทั้งนั้น)
ทางเดินหลัก สองข้างทางมีต้นแปะก้วยรายล้อม
บรรดาต้นแปะก้วยสองข้างทางเดินนี่เป็นสัญลักษณ์ของมหาลัย (คงประมาณจุฬาฯ บ้านเราก็มีต้นจามจุรีเป็นสัญลักษณ์หละมั้ง) ถ้ามาในฤดูที่เหมาะสม ใบจะกลายเป็นสีเหลืองสวย เหมาะกับการถ่ายรูปมาก
เดินผ่านแนวแปะก้วยมา ก็จะเจอกับหอนาฬิกาอันเป็นสัญลักษณ์โดดเด่น
นอกจากมาเยือนสถานที่สำคัญในการ์ตูนแล้ว ยังถือโอกาสมาเจอมิตรสหายท่านหนึ่งที่เรียนอยู่ที่นี่ด้วย
บรรยากาศที่จอดรถจักรยานในแคมปัส ตึกเรียนก็ดูเก่าๆ คลาสสิคดี
ประตูทางออกสีแดง เห็นว่าเป็น landmark ชื่อดังของมหาลัยด้วย
มื้อกลางวันวันนี้เลือกกินที่ร้าน Yayoi ใกล้ๆ กับโทไดนั่นเอง ได้มีโอกาสลองร้านแบบสั่งอาหารจากตู้เป็นครั้งแรก (แอบดูว่าคนอื่นเค้าทำยังไงแล้วก็ทำตาม) พอเป็นแล้วก็ไม่ยากอะไร ใส่เงินเข้าไป (เหรียญหรือธนบัตรก็ได้) แล้วกดเลือกเมนูที่ต้องการ (ดูรูปเอา) ได้เงินทอน จากนั้นไปหาโต๊ะนั่งแล้วเค้าจะเอาอหารมาเสิร์ฟเอง
อุปกรณ์การกิน
อาหารหน้าตาดี ราคาถูกกว่าโอโตยะบ้านเราเสียอีก
ตอนกลับมาถึงเมืองไทยแล้วเพิ่งรู้ว่า Yayoi บ้านเรา ก็เป็นเจ้าเดียวกับ Yayoi ที่ไปกินมานี่แหละ แต่เป็น MK (สุกี้) ไปซื้อแฟรนไชส์มาเปิด แต่รสชาติอาหารอย่าเอาไปเทียบกันจะดีกว่านะ
หาอะไรกินเสร็จแล้วก็เดินชมเมือง ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ
ตู้กดน้ำอัตโนมัติกับจักรยานนี่มีให้เห็นทั่วโตเกียว
โฆษณากาแฟ Wonda โดยไอดอลแห่งชาติญี่ปุ่น
ป้ายประชาสัมพันธ์โอลิมปิก 2020 ที่โตเกียวขอเป็นเจ้าภาพ
เดินลงใต้มาเรื่อยๆ ข้ามแม่น้ำ จนกระทั่งเจอกับสถานที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง นั่นคือโรงเรียนสตรี Bunka Gakuin (พิกัด) ซึ่งเป็นที่ถ่ายทำ PV Oogoe Diamond ของ AKB48
เดินเลยทางเข้าไปอีกนิดนึงจะเจอบันไดที่อยู่ในตอนต้นของ PV ด้วย ใครที่เป็นจูรินะโอชิสมควรมาคารวะสถานที่แห่งนี้
Matsui Jurina เดบิวกับ AKB48 ก็ที่นี่แหละ
อันนี้เป็นทางเข้าโรงเรียน
อนึ่ง ข้อมูลตามรอย AKB48 มาจาก blog AKBAnything ครับ
ต่อไปก็จะเดินทางไป Akihabara จุดหมายสำคัญของคนดูการ์ตูนญี่ปุ่น เอาไว้ต่อ entry ถัดไปละกัน
Leave a Reply