อันนี้ดองไว้ข้ามปี ว่าจะเขียนนานละแต่ไม่ได้เขียนสักที เห็นช่วงหลังๆ มีคนเขียนรีวิวเที่ยวญี่ปุ่นกันเยอะมาก แต่เส้นทางนี้ยังไม่ค่อยเห็นมีคนพูดถึงกันสักเท่าไหร่
ช่วงที่ไปทริปที่นาโงย่าเมื่อปี 2014 ได้มีโอกาสไป หลงป่า เดินป่าแถวนั้น ตามเส้นทางสาย Nakasendo ซึ่งในอดีตเคยเป็นเส้นทางสัญจรระหว่างเกียวโตและโตเกียวมาตั้งแต่ยุคเอโดะ ปัจจุบันก็ไม่ได้ใช้แล้ว แต่เส้นทางที่อยู่ในแถบนาโงย่า/กิฟุ ช่วง Kiso Valley ยังอยู่ในสภาพดีสามารถเดินเท้าได้
เส้นทางยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคือช่วงระหว่างเมือง Magome และ Tsumago มีระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร เดินชิลๆ ก็ประมาณ 4 ชม.ถึง จะตั้งต้นจากเมืองไหนก็ได้ที่สะดวก ของผมมาจากนาโงย่า ไปตั้งต้นจาก Magome จะสะดวกกว่า การเดินทางก็นั่งรถไฟไปลงสถานี Nakatsugawa แล้วต่อรถบัสไปอีก 30 นาที
วิวข้างทางก็มีแต่ภูเขาและทุ่งนา
ทริปนี้ผมฝากกระเป๋าเดินทางใส่ไว้ในล็อคเกอร์ที่สถานีนาโงย่า เอาข้าวของติดมาแค่สำหรับพักค้างคืนที่ Tsumago คืนเดียว ตอนที่เดินป่าจะได้ไม่ลำบากแบกของหนักเกินความจำเป็น
ถึงปากทาง Magome แล้ว มีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร ตรงที่จอดรถก็มีรถบัสของทัวร์มาจอดหลายคันอยู่
Magome เป็นเมืองเก่า บ้านเรือนส่วนใหญ่ก็ยังคงสภาพภายนอกแบบดั้งเดิมไว้ หลายๆ หลังก็เปิดชั้นล่างขายของบ้าง ทำร้านอาหารบ้าง เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยว
ทางเดินในเมืองปูหินสวยงาม
กังหันแลนด์มาร์คที่ใครๆ ก็มาถ่ายรูป เข้าไปดูใกล้ๆ แล้วก็เหมือนจะใช้งานได้จริงนะ
มีจุดแวะพักให้นักท่องเที่ยวแบบเนียนๆ มีห้องน้ำ ตู้ขายน้ำอัตโนมัติ แผ่นพับข้อมูลท่องเที่ยว WiFi ฟรี
กลุ่มเด็กวิ่งไล่จับแมลงในฤดูร้อนอย่างที่เคยอ่านเจอในการ์ตูนก็มีให้เห็น
พอเดินทะลุหมู่บ้าน Magome มาแล้วก็จะเจอป้ายใหญ่ๆ ที่ดูเก่าแก่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเขียนอะไรไว้บ้าง
มีจุดแวะพักให้ชมวิวของหุบเขา Kiso ถ้าแดดร่มลมตกก็คงสวย แต่ตอนที่ไปถึงเป็นตอนเที่ยงพอดี แดดหน้าร้อนญี่ปุ่นเผาแรงมาก
จากจุดแวะพักก็เริ่มเดินตามป้ายบอกทางได้เลย ระยะทางอีก 7.6 กิโลเมตรถึง Tsumago
ทางเดินทำไว้ค่อนข้างดี เดินง่าย ไม่มีเข้ารกเข้าพง มีขึ้นลงเนินบ้างแต่ก็ไม่ใช่ปัญหาอะไร สิ่งที่น่ากลัวสำหรับเส้นทางนี้ก็คือ…
มันมีป้ายบอกให้ระวังหมีด้วย! ตอนเดินก็มองซ้ายมองขวาให้ดีนิดนึง
ระหว่างทางจะมีระฆังแบบในรูปอยู่เป็นระยะๆ ประมาณกิโลละจุดได้ ประมาณว่าถ้าสั่นระฆังแรงๆ หมีจะตกใจกลัวหนีไป ซึ่งก็ไม่รู้ว่าได้ผลจริงหรือเปล่า
เส้นทาง Nakasendo นี้ไม่ได้ตัดผ่านป่าอย่างเดียว แต่บางจุดก็ผ่านชุมชนหรือตัดกับถนนใหญ่บ้างก็มี แต่ส่วนใหญ่ก็จะเป็นทางเดินในป่าน่ะแหละ
เดินดุ่มๆ ในป่าไม่นานก็ทะลุออกมาเจอท้องนาและบ้านคน
จุดตัดถนนใหญ่ เจอแก๊งค์จักรยานมาแวะพักข้างทาง
อันนี้อะไรไม่รู้ เดินทั้งเส้นทางก็ไม่เจอน้ำแข็งสักก้อนนะ
เส้นทางช่วงที่เดินในป่ามีต้นไม้ขึ้นเยอะ ป้องกันแดดบ่ายได้อย่างดี ช่วยให้เดินสบายขึ้นเยอะ
มีลำธารและน้ำตกเล็กๆ ระหว่างทาง
ห้องน้ำเผื่อใครปวดกลางทาง
ตอนที่เดินๆ อยู่ก็มีสวนกับคนที่เดินป่ามาจากอีกทางนึงบ้างประปราย มีทั้งฝรั่งต่างชาติแล้วก็ลุงๆ ป้าๆ คนญี่ปุ่น
ในที่สุดก็มาถึง Tsumago แล้ว หมู่บ้านหน้าตาคล้ายๆ กับที่ Magome แต่เงียบสงบกว่ามาก
ศาลเจ้าปากทาง
นักท่องเที่ยวน้อยกว่าที่ Magome มากกกก
ในตัวหมู่บ้านจะมีบ้านเก่า หรือคฤหาสน์เก่า เปิดให้เข้าไปดูได้ บางที่ก็ฟรี บางที่ก็เสียตังค์
แมวอ้วน
ผมไปถึงที่ Tsumago ราวๆ สี่โมงเย็น รวมเวลาเดินๆ พักๆ ระหว่างทางทั้งหมดก็ 4 ชม.
เดินถ่ายรูปในตัวหมู่บ้านจนพอใจแล้วก็ได้เวลาเข้าที่พัก
ผมใช้บริการจองห้องพักของเว็บ japaneseguesthouses ซึ่งเป็นตัวแทนติดต่อที่พักให้เรา เพราะว่าที่พักแถบห่างไกลผู้คนแบบนี้มักจะไม่ได้ลงประกาศไว้ในเว็บจองโรงแรมพวก Booking, Agoda หรือ AirBNB
ตอนแรกอยากได้ที่พักเป็นเรียวกัง แช่ออนเซ็นธรรมชาติ แต่ว่าพวกนั้นเต็มหมดแล้วก็เลยได้เป็นที่พักโฮมสเตย์ธรรมดาแทน ไม่มีบ่อน้ำร้อน แต่ก็มีห้องอาบน้ำ มีอ่างไม้ให้แช่แก้ขัดได้ อยู่ห่างออกมาจากตัวหมู่บ้านประมาณ 10 นาที
ห้องพักปูเสื่อทาทามิ มีตู้โดราเอมอนเอาไว้เก็บฟูก ถ้าจะนอนก็เอาออกมาปูนอนกับพื้น
พอถึงเวลาอาหาร เค้าจะมาเรียกไปทานในห้องรวม เมนูส่วนใหญ่จะเน้นอาหารบ้านๆ ใช้วัตถุดิบท้องถิ่น เป็นผัก+ปลาซะเยอะ อาหารเย็นกับอาหารเช้ารวมอยู่ในราคาที่พักแล้ว
แขกคนอื่นที่มาพักก็มีกลุ่มคนญี่ปุ่นวัยกลางคนมากัน 5-6 คน กับสาวหมวยสิงคโปร์ที่เดินทางมาเที่ยวคนเดียว คุยไปคุยมาได้ความว่า เป็นแฟน J-Rock ระดับเหนียวแน่น มาญี่ปุ่นเพื่อดูคอนเสิร์ต Luna Sea พอคุยถึงตรงนี้ก็ไม่กล้าบอกเลยว่าตัวเองมางานจับมือไอดอล ;__;
ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบายเพราะอยู่ในหุบเขา นอกที่พักมืดมาก ไม่มีแสงไฟอื่นนอกจากป้ายไฟชื่อที่พัก เรื่องจะไปหาซื้อเบียร์จากร้านสะดวกซื้อมากินนี่ไม่ต้องคิดเลย
โชคดีที่ข้างในมีตู้ขายน้ำอัตโนมัติ
มีการ์ตูนให้อ่านแก้เบื่อ แต่เห็นมีแค่ก้าวแรกสู่สังเวียน
ตอนเช้าอากาศดีมาก
อาหารเช้าแบบบ้านๆ เหมือนมื้อเย็น แต่เบาๆ กว่า
พอกินเสร็จ ผมต้องเช็คเอาท์จากที่พักเพื่อกลับไปที่สถานีนาโงย่า ป้ายรถเมล์ใกล้สุดต้องเดินผ่านตัวหมู่บ้าน Tsumago ก็มีโอกาสไปดูบรรยากาศตอนเช้าอีกรอบนึง จากที่เมื่อวานเดินดูตอนเย็นไปแล้ว
ปรากฏว่าเงียบกว่าเมื่อวานตอนเย็นอีก นอกจากนักท่องเที่ยวที่น่าจะพักเรียวกังแถวนี้ 2-3 คนแล้ว แทบไม่มีคนอื่นอยู่เลย (อาจจะยังอยู่ในบ้าน ไม่ได้ออกมาข้างนอก)
ป้ายรถเมล์ก็เงียบเหงา
นั่งรถเมล์ประมาณ 10 นาทีก็มาถึงสถานี Nagiso ซึ่งจะสามารถนั่งรถไฟกลับไปนาโงย่าได้แล้ว หรือถ้านั่งอีกทางนึงก็จะไปถึงเมือง Matsumoto หรือ Nagano ได้ด้วย
เป็นอีกประสบการณ์แปลกใหม่ของการมาเที่ยวญี่ปุ่นครับ
Leave a Reply