ต่อจากตอนที่แล้ว หลังจากออกจาก Stamford Bridge ก็เจอป้ายน่ารักๆ เข้ากับบรรยากาศ royal wedding ที่เพิ่งผ่านพ้นไป
Will & Kate
จุดท่องเที่ยวถัดไปคือ Victoria & Albert Museum เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เน้นเรื่องของ decorative arts มีของแปลกๆ หลายยุคหลายสมัย แยกให้ดูตามอารยธรรมต่างๆ เข้าฟรี (เฮ!)
ด้านหน้าของ museum
รูปปั้นมีให้ดูจนลายตา
เพอร์เซอุสตัดหัวเมดูซ่า
ห้องหนังสือ
ไม้กางเขนมากมายหลายแบบ
ด้านในของตัวอาคารจะมีเวิ้งสี่เหลี่ยม มีสระน้ำ สนามหญ้า ให้คนมานั่งพักเหนื่อย ซื้อของกินจาก cafe มานั่งกินกันได้ เนื่องจากไม่เสียค่าเข้า ดังนั้นของกินใน cafe ก็ออกจะแพงอยู่สักหน่อย ถ้าซื้อแซนด์วิชจาก M&S ติดมากินเองก็จะประหยัดไปได้เยอะ
สระน้ำ และจุดพักผ่อน
ถัดจาก Victoria & Albert Museum จะมีอีกสองพิพิธภัณฑ์ที่อยู่ใกล้ๆ เดินข้ามถนนก็ถึง ก็คือ Science Museum และ Natural History Museum เนื่องจากว่าเวลาไม่เอื้ออำนวย ทำให้เลือกไปได้แค่ Natural History Museum ที่เดียว (อดไปดูเครื่อง ENIAC ใน Science Museum เลย)
นอกเรื่องสักเล็กน้อย ข้อควรรู้เกี่ยวกับของกินในอังกฤษ
- น้ำประปาดื่มได้ ควรพกขวดน้ำไปเอง กรอกให้เต็มตั้งแต่ก่อนออกจากที่พัก ถ้าซื้อตามร้าน ราคาขวดละ 1 ปอนด์ขึ้นไป ซื้อไม่ลง
- ร้าน Mini Mart มีหลายยี่ห้อ (Tesco, M&S, WHSmith ฯลฯ) แต่ละยี่ห้อราคาของก็จะไม่เท่ากัน
- สหายที่อังกฤษบอกว่า อาหารสำเร็จรูปของ M&S มักจะอร่อยกว่ายี่ห้ออื่น
- ไม่เห็นมีเบียร์กระป๋องเล็กขาย มีแต่แบบขวดกับแบบกระป๋องยาว (ขนาดเท่า Heineken กระป๋องยาวที่ขายบ้านเรา) ราคาตกประมาณกระป๋องละ 2 ปอนด์ แล้วแต่ยี่ห้อและปริมาณแอลกอฮอลล์ ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับค่าครองชีพ
- ร้านอาหารทั่วไป ถ้าซื้อมากินนอกร้านจะราคาถูกกว่านั่งกินที่ร้านพอสมควร
กลับมาต่อที่ Natural History Museum ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับธรรมชาติ กำเนิดสัตว์โลก วิวัฒนาการ อะไรพวกนั้น เข้าฟรีเช่นกัน เป็นข้อดีมากๆ สำหรับพิพิธภัณฑ์ในประเทศนี้ เพราะเกือบทั้งหมดเข้าฟรี (ยกเว้นโซนนิทรรศการซึ่งจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ)
ตัวอาคารให้อารมณ์เก่าๆ หน่อย
มีโครงกระดูกไดโนเสาร์ยืนเด่นอยู่กลางโถง
โถงกลางจะให้อารมณ์ขลังๆ ประมาณในหนัง Harry Potter (จริงๆ หนังเค้าถ่ายที่ Oxford นะ)
พิพิธภัณฑ์นี้เด็กเยอะมาก เข้าใจว่าเพราะเนื้อหาที่จัดแสดง ค่อนข้างเหมาะกับเด็กด้วย มีทั้งโซนไดโนเสาร์ และโซนวิวัฒนาการ มีโครงกระดูก มีหุ่นสตัฟฟ์ขนาดเท่าของจริง และการจัดแสดงค่อนข้าง interactive มาก ไม่น่าเบ่ือ
โคตรปลาวาฬ สังเกตตัวที่มีเขา นั่นคือ (Natty) Narwhal น่ะเอง
โซน Earth แสดงว่าโลกประกอบขึ้นจากอะไรบ้าง
พิพิธภัณฑ์ปิดตอนเกือบๆ หกโมง ออกมาแล้วฟ้ายังสว่างจ้า (ช่วง พ.ค.นี่กว่าจะมืดก็หลังสามทุ่ม) ก็หาจุดชมวิวไปเรื่อยๆ โดยนั่งรถไปเริ่มที่สถานี Victoria
โรงละคร Victoria Palace แสดงเรื่อง Billy Elliot
สถาปัตยกรรมแบบ Byzantine ที่ Westminster Cathedral
Westminster Abbey ที่จัดงาน Royal Wedding
เดินทะลุ เข้าไปดูด้านหลังได้ฟรี
ตอนที่ไปเดินเป็นช่วงเย็นแล้ว โบสถ์ปิดแล้ว ก็เลยไม่ได้เข้าไปดู (ต่อให้ยังไม่ปิดก็ไม่แน่ว่าจะดู เพราะค่าเข้าก็แพงอยู่เหมือนกัน) เดินมาทางแม่น้ำเทมส์อีกหน่อยนึงก็จะเห็น landmark สำคัญของลอนดอน นั่นคืออาคารรัฐสภา กับหอนาฬิกา Big Ben
อาคารรัฐสภา
มีรูปปั้น Oliver Cromwell บุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์อังกฤษ
ฝั่งตรงข้ามมีคนตั้งเต็นท์ประท้วงเรื่องการส่งทหารไปอัฟกานิสถาน
Big Ben ตั้งอยู่ติดกันเลย
มุมจากสะพาน Westminster Bridge เห็นทั้ง parliament และ big ben
เตรียมระเบิดรัฐสภา
ข้าม Westminster Bridge มาอีกฝั่งหนึ่ง ก็จะเจอ London Eye ซึ่งถ้าไม่จองคิวไว้ก่อน ก็ต้องไปต่อคิวยาวมาก ซึ่งจริงๆ แล้วมันก็แค่ชิงช้าสวรรค์แหละนะ เสียดายเงินด้วย ก็เลยไม่ได้ขึ้น (ค่าขึ้นประมาณ 19 ปอนด์)
London Eye
บริเวณริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ด้านนี้เรียกว่า Southbank จริงๆ แล้วก็เป็นบริเวณที่บรรยากาศดี น่าเดิน แต่เนื่องจากว่าเริ่มจะมืดแล้ว ก็เลยเดินไปขึ้นอีกสะพานนึง กลับมาฝั่งเดิม
วิวจากแม่น้ำเทมส์ London Eye อยู่ซ้าย Big Ben อยู่ขวา
เดินไปเรื่อยๆ จนถึง Trafalgar Sqaure เป็นจัตุรัสที่เรียกว่าเป็นใจกลางเมืองของลอนดอนเลยก็ว่าได้ วันที่ไปวันนั้นเป็นวันที่มีเตะ FA Cup รอบชิงชนะเลิศระหว่าง แมนยู กับแมนซิตี้ ก็เลยเห็นกองเชียร์เดินกันขวักไขว่ในเมือง
แฟนบอลแมนซิตี้กำลังเขม่นตากล้องที่ใส่เสื้อลิเวอร์พูล
มื้อเย็นวันนี้มีเป้าหมายที่ China Town ซึ่งก็ต้องเดินต่อไปอีก
โรงหนัง Odeon กำลังฉายเรื่อง Thor
โรง Prince Charles Cinema ฉายหนังเก่าของ David Fincher สองเรื่องควบ
ในที่สุดก็มาถึง China Town
เดินวนอยู่พักใหญ่ เจอร้านคิวยาวบ้าง แพงบ้าง จนสุดท้ายมาจบที่ร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อ Taro
ข้าวหน้าไก่ทอดพริก อะไรสักอย่าง
อันนี้ราเมงอะไรก็ไม่รู้ จำไม่ได้
เนื่องจากไม่ได้หาข้อมูลมาก่อน เห็นราคาพอจะโอเคหน่อย คนไม่เยอะมาก ก็เลยเข้าไปลอง สรุปว่ารสชาติค่อนข้างธรรมดา ไม่ค่อยคุ้มเงินเท่าไหร่ ทีหลังควรจะทำการบ้านมาให้มากกว่านี้
อิ่มท้องแล้วสมควรแก่เวลากลับ ก็เดินไปขึ้นรถเมล์แถว Soho ผ่านจุดน่าสนใจนิดหน่อย
Ladbrokes ร้านพนันถูกกฎหมาย
Queens Theatre แสดงเรื่อง Les Miserables
Sex Shop เปิดขายได้อย่างถูกกฎหมาย (แต่ไม่ได้แวะนะ)
นั่งรถเมล์กลับถึงที่พักเป็นอันหมดวัน
(ต่อตอนสามนะ)
Leave a Reply