บันทึกการไปเที่ยวอังกฤษ ต่อจากตอนที่แล้ว ยังอยู่เที่ยวในลอนดอนต่อ
การวางแผนการท่องเที่ยวยาวๆ หลายวัน ในยุคนี้มันก็มีตัวช่วยอยู่หลายอย่าง มีอยู่เว็บนึงที่ใช้ได้ดีมากคือ TripIt
TripIt สามารถบันทึกแผนการเดินทางได้ว่าวันไหนจะพักที่ไหน เดินทางไปไหนยังไง เหมาะกับคนที่วางแผนการเดินทางไปหลายที่ใน trip เดียว สิ่งที่เป็น killer feature ของเจ้านี่คือ เราสามารถ forward อีเมล confirm การจองตั๋วเครื่องบิน, ตั๋วรถไฟ, หรือที่พัก เข้าไปยัง address ของ TripIt แล้วตัวระบบจะเอาข้อมูลใส่ลง plan ของเราให้อัตโนมัติ และ plan นี้เราสามารถเปิดดูได้ผ่านทางหน้าเว็บ หรือ App บน Android / iPhone / iPad ก็ได้ ทำให้การเดินทางคล่องตัวขึ้นเยอะ
ตัวอย่าง Plan มีข้อมูลที่พัก เวลา การเดินทาง แผนที่ พยากรณ์อากาศให้ครบครัน
เว็บ TripIt นี่ใช้ฟรี App ก็โหลดฟรีด้วย ใครจะเดินทางก็ลองเล่นดูได้
เริ่มต้นการเดินทางจากที่พักแถวสถานีรถไฟ King’s Cross ถ้าคนที่เคยดูหนัง Harry Potter จะเห็นว่า หน้าตามันไม่เหมือนในหนัง เพราะจริงๆ แล้วในหนังเลือกถ่ายทำภายนอกที่สถานี St.Pancras ซึ่งอยู่ติดกันแทน (ห่างกันแค่ข้ามถนน ชั้นใต้ดินก็แชร์สถานี underground ร่วมกัน) อาจจะเพราะเหตุผลว่า St.Pancras มันสวยกว่า
สถานี King's Cross
ตอนที่ไปเที่ยวช่วงเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา สถานี King’s Cross มีการปรับปรุงซ่อมแซมหลายจุด เพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าภาพงานโอลิมปิก 2012 ทำให้ชานชาลา 9 3/4 โดนปิดซ่อมไปด้วย แต่ทางสถานีก็เห็นใจแฟนๆ หนังสือทำกำแพงเลียนแบบ เอามาให้ถ่ายรูปแก้ขัดกันไปได้ ถ้าไปแล้วหาไม่เจอลองถามพนักงานแถวนั้นดู แค่อ้าปาก ยังไม่ทันจะถามอะไร เค้าเห็นว่าเป็นนักท่องเที่ยวก็ถามสวนมาเลยว่า “Harry Potter ใช่มั้ย?” คงเจอแบบนี้มาเยอะจนเบื่อ
โฆษณาในสถานี ไม่ต้องมีแถบดำคาดแล้วบอกว่าสุราเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
Kindle ที่นี่ขาย 111 ปอนด์ (รุ่น Wi-Fi) กับ 152 ปอนด์ (รุ่น 3G)
สำหรับแผนการเที่ยวลอนดอนวันนี้ เริ่มต้นตอนเช้าที่ St.Paul’s Cathedral เป็นวิหารที่สร้างตามสถาปัตยกรรมแบบ Baroque ซึ่งก็เป็นสไตล์ที่นิยมในยุโรปอยู่ยุคหนึ่ง ที่ประเทศอื่นก็มีสิ่งก่อสร้างหน้าตาคล้ายๆ แบบนี้เหมือนกัน การเดินทางก็นั่ง tube ไปลงที่สถานี St.Paul’s
ต้นไม่ในสวนครึ้มทีเดียว
ด้านหน้าวิหารมีเด็กมาทำกิจกรรมวาดรูปด้วย
เนื่องจากด้านในวิหารต้องเสียค่าเข้า (14.5 ปอนด์) และห้ามถ่ายรูปด้วย ก็เลยเดินวนถ่ายรูปรอบๆ ก็พอ
จากวิหาร St.Paul’s เดินมาทางแม่น้ำเทมส์เรื่อยๆ ก็จะเจอกับสะพาน ชื่อว่า Millenium bridge ซึ่งเปิดใช้งานในปี 2000 และถูก Death Eater ทำลายทิ้งไปในฉากเปิดเรื่อง Harry Potter ภาค 6
เดินออกมาจาก St.Paul's แล้ว
สะพาน Millenium Bridge โดมที่เห็นนั่นคือโดมของวิหาร St.Paul's
วิวแม่น้ำเทมส์ ถ่ายจากบนสะพาน
อีกฟากหนึ่งของสะพาน Millenium Bridge เป็นโรงไฟฟ้าเก่า ที่ถูกเอามาปรับปรุงให้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะ ชื่อว่า Tate Modern
อีกฟากหนึ่งของสะพานเป็น Tate Modern
เข้าฟรีอีกแล้ว
บรรยากาศภายใน สมกับเป็นโรงไฟฟ้าเก่า โถงตรงนี้เรียกว่า Turbine Hall
ผลงานที่จัดแสดงที่ Tate Modern นี่ก็เป็นไปตามชื่อ คือเป็นผลงานยุค Modern / Contemporary art ตั้งแต่ยุค 1900 เป็นต้นมา มีงานของทั้ง Monet, Matisse, Picasso ไปจนถึง Warhol
ส่วนจัดแสดงงานอยู่สองข้างของห้องโถงแต่ละชั้น ตรงกลางเป็นบันไดเลื่อน
Whaam! กับ Unique Forms of Continuity in Space
บางช่วงเวลา จะมีไกด์บรรยายที่มาที่ไป ประวัติและเกร็ดของงานเด่นๆ ให้ฟรีด้วย (ภาษาอังกฤษแบบฟังไม่ยาก) ขนาดของพิพิธภัณฑ์ไม่ใหญ่มาก คนไม่เยอะเท่า British Museum เดินได้สบายๆ แต่อาจจะเจอกลุ่มเด็กนักเรียนมาทัศนศึกษา
เดินดูเสร็จแล้วก็ออกมาเดินข้างนอก หาของกินมื้อเที่ยงโดยเดินเลียบแม่น้ำเทมส์มาทางทิศตะวันออกเรื่อยๆ เพื่อไป Borough Market
ลานด้านหน้า Tate Modern เป็นสนามหญ้าให้คนพักผ่อนได้
เจอจุดจอดจักรยานเช่าอีกแล้ว
ถึง Borough Market แล้ว
Borough Market เป็นตลาดขายของกินนานาชนิด การเข้าไปเดินในช่วงที่กำลังหิวจะรู้สึกว่า น่ากินไปเสียหมดทุกอย่าง
แผนที่บอกโซนตลาด
เนื้อหมูป่าดี หรือเนื้อกวางดี
แกงมาเลย์ แกงไทย แกงอินเดีย มีขาย มีให้ชิม
ปลาทูน่า ปลากระโทงแทง ปลากะพง ปลาแซลมอน
เห็ดหลากชนิด
เครื่องดื่มมากมาย
พื้นที่โฆษณา
ร้านนี้ขายเนื้อด้วย ขายเบอร์เกอร์ด้วย
ร้านส่วนใหญ่ใน Borough Market จะออกแนวตลาดสด ไม่มีโต๊ะนั่ง ต้องซื้อออกมาหาที่นั่งว่างๆ ตรงโซนที่เค้าจัดไว้ให้นั่งกินอาหารเอาเอง
อาหารกลางวันเป็น เบอร์เกอร์เนื้อวัว ใส่ไข่ดาวด้วย
อันนี้เบอร์เกอร์เนื้อแกะใส่เห็ด
อิ่มท้องแล้วก็นั่ง tube ไปลงที่สถานี Charing Cross เพื่อไปยัง National Gallery และ National Portrait Gallery
ภาพเขียนที่จัดแสดงใน National Gallery มีงานของพวกบิ๊กเนมเพียบ ทั้งของศิลปินอังกฤษ, ดัทช์, อิตาลี, ฝรั่งเศส ฯลฯ ไล่มาตั้งแต่ Da Vinci, Michelangelo, Raphael (ขาด Donatello อีกคนก็ครบขบวนการเต่านินจาแล้ว), Vermeer, Rembrandt, Renoir, Van Gogh, Delacroix ฯลฯ ถ้าจะไปแล้วมีเวลาน้อยแนะนำให้เลือกดูเฉพาะ 30 ภาพไฮไลท์ ที่เว็บ National Gallery คัดเลือกมาให้ วันที่ไปมีปิดห้องเล่นดนตรี (เปียโน / โอเปรา) ให้คนดูได้ชมฟรีด้วย
ค่าเข้าฟรี แต่น่าเสียดายตรงที่ว่าข้างในเค้าห้ามถ่ายรูป เลยถ่ายมาลง blog ไม่ได้ แต่ถ้าใครอยากดูสามารถเปิดดูได้จากเว็บ Google Art Project ก็ได้ไม่ต้องบินไปดูถึงลอนดอน
ถ้าใครมี iPhone หรือ iPad สามารถโหลด App ของ Natioan Gallery มาช่วยเป็นไกด์ก็ได้ ราคา $2.99
โฆษณา National Portrait Gallery ในสถานี Charing Cross
ด้านหน้าของ National Gallery อยู่ติดกับ Trafalgar Square เลย
ใกล้ๆ กับ National Gallery ก็ยังมีอีกพิพิธภัณฑ์หนึ่งคือ National Portrait Gallery เป็นที่รวมภาพเขียนบุคคลของอังกฤษ มีทั้งราชวงศ์ อำมาตย์ นักการเมือง นักวิทยาศาสตร์ ศิลปิน และคนดังต่างๆ ความสวยงามของภาพอาจจะสู้ของ National Gallery ไม่ได้ แต่ถ้าไล่ดูตามลำดับเวลามาเรื่อยๆ ก็จะได้เห็นความเป็นมาของอังกฤษมากกว่า
ค่าเข้าฟรี ภายในห้ามถ่ายรูป มี App นำเที่ยวบน iPhone / iPad ราคา $1.99
จบแล้วก็ออกมาถ่ายรูปเล่นแถว Trafalgar Square
นับถอยหลัง London Olympic 2012
รูปปั้นสิงโต เสาหินด้านหลังนั่นคือ Nelson's Column
ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ชอบปีนขึ้นไปถ่ายรูป
มีคนโบกธงชาตซีเรีย น่าจะประท้วงอะไรสักอย่าง
มื้อเย็นก็เดินไปฝากท้องที่ China Town เป็นร้านที่มีสหายที่เคยอาศัยอยู่ในลอนดอนแนะนำมา ชื่อร้าน Misato
Misato เป็นร้านอาหารญี่ปุ่นเล็กๆ ขนาดคูหาเดียว แต่ดูจะเป็นร้านที่มีชื่อเสียง ตอนที่ไปถึงมีคนยืนรอคิวหน้าร้านประมาณสิบคนได้
ยืนรอคิวหน้าร้าน ก็ถ่ายรูปเล่นไปพลางๆ
ยืนทนอากาศหนาว รอคิวสักพักนึงก็ได้เข้าไปนั่งในร้าน (สังเกตว่าในลอนดอน คนส่วนใหญ่จะ obsess กับการเข้าคิวมาก ไปที่ไหนก็เจอคนเข้าคิวตลอด บ้านเราน่าจะเอาอย่าง) ในร้านคนเยอะ โต๊ะค่อนข้างเบียด พนักงานเสิร์ฟส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนไทย
ข้าวสเต็กไก่เทริยากิ
เต้าหู้อะไรสักอย่าง จำชื่อไม่ได้
ชุดปลาดิบ
เบียร์วันนี้ : Sapporo
สรุปราคาก็พอๆ กับร้านอื่นใน China Town แต่จุดเด่นของ Misato คือให้เยอะมาก กินจนอิ่ม แต่รสชาติก็ค่อนข้างธรรมดา ประมาณฟูจิบ้านเรา เมื่อกลับไปถามสหายคนเดิมว่าทำไมแนะนำร้านนี้ คำตอบที่ได้ก็คือ เพราะว่าเค้าให้เยอะน่ะแหละ
จบไปอีกหนึ่งวัน กลับที่พักเตรียมตัวออกเดินทางไปอีกเมืองหนึ่งวันพรุ่งนี้
รวมลิงก์ตอนเก่าๆ
Leave a Reply