ออกจากย่าน Ebisu แล้ว นั่งรถไฟมาถึงย่าน Ikebukuro ฝนก็ยังตกอยู่ แต่ด้วยความตั้งใจมากินมื้อเที่ยงที่นี่ ทำให้เข้าไปกางร่ม ต่อคิวรอกินแบบไม่กลัวฝน
ฝนโตเกียวตกแบบที่จะกางร่มก็เกะกะ แต่ก็หนักเกินกว่าจะไม่กางร่มเลย
ร้านที่มากินเป็นมื้อเที่ยงคราวนี้คือ ราเมงซุปกระดูกหมู Mutekiya
หน้าร้านหน้าตาเป็นแบบนี้
มีคนกางร่มรอกินเหมือนกัน คิวยาวใช้ได้ ยืนรออยู่ราวๆ 30 นาที กว่าจะได้เข้าไปกิน ระหว่างรอเค้าจะมีเมนูมาให้เลือกก่อน มีภาษาไทยด้วย รับประกันได้ว่าเป็นร้านที่คนไทยมากันเยอะ
ตอนสั่งนอกจากเลือกว่าจะเอารางเมงแบบไหนแล้ว ยังเลือกได้ด้วยว่าจะเอาเส้นเยอะหรือว่าเส้นน้อย (แต่ราคาเท่ากัน) คือได้ topping เหมือนกันหมดทุกอย่างต่างแค่ปริมาณเส้น อาจจะเหมาะกับสาวๆ ที่กินไม่เยอะเท่าไหร่
ราเมงออกมาหน้าตาแบบนี้ ชามนี้ 890 เยน (ตอนนี้น่าจะขึ้นราคาตาม VAT ไปแล้ว) อร่อยคุ้มราคาและการเสียเวลาต่อคิว หมูนุ่ม ไข่ต้มได้สุกเป็นยางมะตูมกำลังดี น้ำซุปเข้มข้นซดจนหมดชามได้เลย
กินอิ่มแล้วก็ออกมาเดินต่อ ลัดเลาะซอยทางทิศใต้ของสถานี Ikebukuro เดินหาอยู่สักพัก จนในที่สุดก็ได้เจอกับ โรงเรียนสตรี Jiyugakuen Myonichikan
หน้าตาโรงเรียนเป็นแบบนี้
ตัวอาคารของ Jiyugakuen Myonichikan เป็นผลงานการออกแบบของ Frank Lloyd Wright สถาปนิกชื่อดัง เมื่อก่อนที่นี่ก็เป็นโรงเรียนปกติ แต่ตอนหลังเค้าย้ายการเรียนการสอนไปที่ campus อื่นหมดแล้ว ที่นี่เลยเหลือไว้เป็นสมาคมศิษย์เก่า รับจัดงาน event ต่างๆ (เช่น จัดงานแต่ง) ถ้าไม่มีโปรแกรมอะไรก็เปิดให้คนภายนอกเข้าชม (เก็บเงินด้วย)
สภาพด้านใน
มีห้องโถงกลางให้คนแวะจิบชากินขนม ที่เห็นคนเยอะๆ นี่คือรอฝนซา
นอกจากนี้แล้วที่ Jiyugakuen Myonichikan นี่ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ PV เพลง Ue Kara Mariko ของ AKB48 ด้วย
PV เพลง Ue Kara Mariko ถ่ายทำที่นี่กันทั้งเพลงเลย
รอฝนซา ออกจากโรงเรียนสตรีมาแล้ว ที่ต่อไปที่ไปเยือนคือบ้านพักโทคิวะ สถานที่ในตำนาน อพาร์ตเมนท์สองชั้นเก่าๆ ที่นักเขียนการ์ตูนไส้แห้งหลายคนเคยอาศัยอยู่ ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นตำนานของวงการการ์ตูนญี่ปุ่น เช่น เทสึกะ โอซามุ (คนเขียน Black Jack, เจ้าหนูอะตอม, ฯลฯ), ฟูจิโกะ ฟูจิโอะ (คนเขียนโดราเอมอน), อิชิโนโมริ โชทาโร่ (คนเขียนไซบอร์ก 009)
ที่ตั้งของบ้านพักนี่จะอยู่ในซอยระหว่างสถานี Ochaiminaminagasaki กับ Shiinamachi (พิกัด)
ไปถึงที่แล้วมีอนุสาวรีย์เล็กๆ เป็นบ้านพักจำลอง มีป้ายบอกประวัติ และแผนผังบอกว่านักเขียนคนไหนอยู่ส่วนไหนของบ้าน
ส่วนบริเวณที่เคยเป็นบ้านพักจริงๆ ตอนนี้กลายเป็นสนามเด็กเล่นไปละ
จบจากบ้านพักโทคิวะแล้วก็เดินทางกลับที่พัก เก็บข้าวของ ตั้งใจว่าจะออกไปหา Horumon กิน ลองถามที่ hostel ดูเค้าก็แนะนำมาร้านนึงชื่อ Gyu-Kaku 牛肉 อยู่ใกล้วัดเซนโซจิ ไม่ไกลจาก hostel นัก
คำว่า Horumon (ホルモン) จริงๆ มันคือ เครื่องในสัตว์เอามาย่างกินน่ะเอง มีที่มาจากคำว่า ฮอร์โมน ในความหมายว่าเป็นสารกระตุ้น (คนญี่ปุ่นเชื่อว่าเป็นอาหารเสริมพละกำลัง) รวมทั้งยังพ้องกับคำว่า 放る物 ในสำเนียงคันไซ ที่แปลว่าความหมายว่า ของที่ไม่เอาแล้ว ด้วย (ของเหลือหลังจากเอาส่วนที่เป็นเนื้อไปหมดแล้ว)
ที่อยากกินเพราะดันไปอ่านการ์ตูนเรื่อง เนื้อย่างจานเด็ด เข้า (สยามอินเตอร์คอมมิค 3 เล่มจบ) ก็เลยได้รับรู้วัฒนธรรมการกินเครื่องในย่างจนต้องมาหาลองของจริง (แต่ต้นตำรับแท้ๆ เค้าว่าต้องไปกินแถบโอซาก้า)
ปกเวอร์ชันญี่ปุ่นหน้าตาแบบนี้
ตอนสั่งก็ดูไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร ได้แต่ชี้ๆ ไม่รู้ชื่อเรียกสักอย่าง
ตอนกินจะเคี้ยวสนุกกว่ากินเนื้อย่าง texture จะต่างกันออกไปตามชนิดของเครื่องใน
ก็อร่อยเกือบหมด ยกเว้นอันที่หน้าตาคล้ายๆ ตับจะธรรมดาไปหน่อย
มีเตาย่างให้ ถ้าเอาตามในการ์ตูนก็ต้องคอยเงี่ยหูฟังเสียงที่เนื้อจะร่ำร้องออกมาว่า “พลิกฉันสิ” แล้วกะเวลาพลิกให้พอดี จะได้รสชาติที่อร่อยที่สุด
สั่งเบียร์ Suntory เย็นๆ มากินด้วย เข้ากันมากๆ
Leave a Reply