วันนี้ตื่นแต่เช้า เป้าหมายมุ่งหน้าที่สวนอุเอโนะ ที่เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่ใจกลางกรุง
สวัสดียามเช้ากับกาแฟ Wonda พรีเซ็นเตอร์โดย โอชิมะ ยูโกะ
มื้อเช้าวันนี้ ข้าวปั้นไข่ปลามายองเนส 120 เยน
เดินทางด้วยรถไฟเหมือนเดิมไปสถานี Keisei Ueno เข้าสวนทางประตูทิศใต้จะเจอกับรูปปั้น ไซโง ทะกะโมริ หรือที่รู้จักกันในชื่อ The Last Samurai
ทางเดินในสวน ร่มรื่น ต้นไม้เยอะดี เป็นสถานที่ยอดฮิตในการชมซากุระของชาวโตเกียว แต่พอดีช่วงที่ไปมันหมดช่วงซากุระบานแล้ว ก็เลยไม่มีให้ดู
ถ้าไม่นับเรื่องชมซากุระ ในสวนนี่ก็จะมีทั้งคนมาวิ่งออกกำลังกาย หรือพาหมามาเดินเล่นก็มี คล้ายๆ สวนลุมบ้านเรา
หมาหมู่
ที่เด็ดกว่าสวนลุมของเราคือในสวนมีสนามเบสบอลด้วย เด็กที่มาเล่นแต่งตัวกันเต็มยศ มีโค้ช มีผู้จัดการทีม เหมือนในการ์ตูนที่เคยอ่านเลยทีเดียว
มุ่งสู่โคชิเอ็ง
นอกจากจะมีที่ให้พักผ่อนหย่อนใจแล้ว ในสวน Ueno นี้ยังเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์หลายแห่งด้วย
Tokyo National Museum
วันนี้ไม่มีโปรแกรมเข้าพิพิธภัณฑ์ แต่จะเข้าไปดูสวนสัตว์ที่อยู่ในสวนแทน
ด้านหน้าของ Ueno Zoo
ที่สวนสัตว์ Ueno นี่จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นสองส่วน โดยมีถนนคั่นกลาง สามารถนั่ง monorail ข้ามได้ สัตว์ที่มีให้ดูก็ไม่ต่างจากเขาดินบ้านเรานัก โดยมีแพนด้าเป็นดาราชูโรง
แพนด้าที่ไหนๆ ก็ดูขี้เกียจพอกัน
ข้างในสวนสัตว์มีศาลาไทยตั้งอยู่ด้วย เป็นของขวัญจากไทยเนื่องในโอกาสครบรอบความสัมพันธ์ 120 ปี ไทย-ญี่ปุ่น
ศาลาไทย ไม่เข้ากับส่วนอื่นๆ ของที่นี่เลยสักนิด
อัลปาก้า
จุดต่างจากสวนสัตว์ในบ้านเราอีกอย่างหนึ่งคือ ที่นี่จะมีโซนที่ให้เราเข้าสัมผัสกับสัตว์ตรงๆ ได้ด้วย ก็จะเป็นสัตว์พวกแพะ กระต่าย ไก่ ที่เป็นสัตว์เลี้ยง
สวนสัตว์ที่นี่ถ้าเทียบขนาดแล้วก็จะเล็กกว่าเขาดินบ้านเรา แต่กรงสัตว์จะอยู่ใกล้กันมากกว่า เดินไม่เหนื่อยมากนัก
เดินทะลุสวนสัตว์ออกมาข้างนอก เจอ Okura Theater โรงหนังสำหรับผู้ใหญ่อยู่ติดกันเลย
ไม่ได้เข้าไปดูหรอกนะ
ข้ามมาอีกฟากนึงของถนน ด้านตะวันออกของสวน Ueno จะเจอกับตรอก Ameyoko ซึ่งเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวมีชื่อเสียงในหมู่นักท่องเที่ยวบ้านเรา
ชื่อเต็มๆ ของตรอกนี้คือ Ameya Yokocho แปลได้ประมาณว่า ตรอกขนมหวาน ของที่มีขายมีตั้งแต่ของกิน ของใช้ เสื้อผ้า สื่อบันเทิง ฯลฯ
ถ้าใครดูซีรีย์ Amachan อาจจะคุ้นๆ กับที่นี่ เพราะ theater ของ AmeJo (ในเรื่อง) ก็อยู่ตรงด้านหน้านี่เอง
ของกินก็มีขาย
ในตรอกคนเยอะมาก ไม่ได้กะจะซื้อะไร เดินแค่ผ่านๆ แล้วต่อรถไฟไปเป้าหมายถัดไปคือแถบ Sendagaya
พอดีถึงเวลากินข้าว ก็เลยแวะ Tokyo Chikara Meshi ร้านข้าวหน้าเนื้อยี่ห้อที่มีสาขาเยอะอีกเจ้านึง รองจาก Sukiya และ Yoshinoya
ชีสเยิ้มๆ
โฆษณาอัลบั้มใหม่ (ในตอนนั้น) ของ Kyary Pamyu Pamyu
แถวนี้เป็นย่านคนพักอาศัย ดูเงียบสงบดี ไม่ค่อยวุ่นวาย เดินถ่ายรูปไปสักพักก็มาถึงที่หมาย คือ Jazz Bar ของนักเขียน Haruki Murakami (ลายแทงจากเว็บนี้)
Haruki Murakami เคยเปิด Jazz Bar ชื่อ Peter Cat อยู่ที่ชั้น 1 ตึกนี้ (ตอนนี้ปิดไปแล้ว)
มาชักภาพเฉยๆ ให้รู้ว่าเคยมาแล้ว
ละแวกนั้นมีสนามเบสบอล Meiji Jinku Stadium ด้วย วันที่ไปมีแข่งพอดี มีกองเชียร์เดินทางมาดูกันเยอะอยู่ พ่อแม่จูงลูกหลานมาเป็นครอบครัว เป็นบรรยากาศที่ไม่ค่อยเห็นในบ้านเราสักเท่าไหร่
รอบๆ สนามมีของที่ระลึกขายทั่วไป แต่แพงไปหน่อย (และขี้เกียจขนกลับ) เลยไม่ได้อะไรติดมือกลับมา
ด้านหน้าสนาม
ญี่ปุ่นก็มีพริตตี้
ที่สนาม Meiji Jingu Stadium นี่มีเกร็ดที่เกี่ยวข้องกับ Murakami เล็กน้อย เจ้าตัวเขียนไว้ใน What I Talk About When I Talk About Running ว่า
Hilton got a hit down the left field line. The crack of bat meeting ball right on the sweet spot echoed through the stadium. Hilton easily rounded first and pulled up to second. And it was at the exact moment that a thought struck me: ‘You know what? I could try writing a novel.’
I still can remember the wide open sky, the feel of the new grass, the satisfying crack of the bat. Something flew down from the sky at that instant, and whatever it was, I accepted it.
และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นอาชีพนักเขียนของ Murakami
มีต่อตอนถัดไปครับ
Leave a Reply