เที่ยวอังกฤษกันต่อจากตอนที่แล้ว – part 1, part 2
โปรแกรมวันนี้เป็นการออกจากลอนดอนแล้วขึ้นเหนือ เป้าหมายอยู่ที่เมืองลิเวอร์พูล การเดินทางก็ต้องไปขึ้นรถไฟที่สถานี London Euston
สถานี London Euston
ระบบรถไฟในอังกฤษจะดำเนินงานโดยเอกชนหลายราย รถของแต่ละเจ้าก็จะไม่เหมือนกัน บางเจ้าก็หรู นั่งสบาย บางเจ้าก็เก่าๆ หน่อย ควรจะวางแผนการเดินทางก่อนล่วงหน้า เพราะถ้าซื้อตั๋วแบบ Advance (ตั๋วล่วงหน้า เปลี่ยนวันเดินทางไม่ได้) จะถูกกว่าตั๋วแบบ Anytime (เดินทางเมื่อไหร่ก็ได้) อยู่เยอะมาก และตั๋ว Advance มักจะหมดเร็ว ทำให้ถ้ามาซื้อเอาทีหลัง ค่าตั๋วอาจจะแพงกว่ากันหลายเท่าตัว
และการเดินทางไปลิเวอร์พูลครั้งนี้ จองตั๋วล่วงหน้า 6 สัปดาห์ ปรากฏว่า ตั๋ว Advance เต็ม! เนื่องจากวันนั้นเป็นวันที่ Totenham Hotspurs สโมสรจากลอนดอน ไปเยือนถิ่นลิเวอร์พูล ทำให้แฟนบอลมากวาดตั๋วล่วงหน้าไปหมดแล้ว
ทางออกที่ไม่ต้องจ่ายแพง คือนั่งรถไฟหวานเย็น แทนที่จะนั่งจากลอนดอนไปลิเวอร์พูลเลย ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ก็นั่งรถไฟสายอื่น ที่วิ่งไปทางอื่น และแวะหลายสถานีกว่า (แต่สุดท้ายก็ไปถึงลิเวอร์พูลได้) ใช้เวลาเกือบ 5 ชม. แต่ก็ช่วยประหยัดไปได้หลายพันบาท
ของกินที่เตรียมไปกินระหว่างทาง
ผ่านสถานี Coventry
แวะรอเปลี่ยนรถไฟที่ Birmingham เจอแฟนลิเวอร์พูลด้วย
ในที่สุดก็มาถึง Liverpool Lime Street Station
บรรยากาศภายในสถานี
สำหรับแฟนบอลแล้ว บรรยากาศของวันที่มีบอลเตะนี่มันเยี่ยมจริงๆ ในสถานีมีแฟนบอลเจ้าบ้านใส่เสื้อทีมเดินกันขวักไขว่ ส่วนพวกที่มากันเป็นกลุ่ม ใส่เสื้อขาวๆ เรียบๆ จะเดาได้ว่าเป็นแฟนบอลทีมเยือน (สังเกตดีๆ พวกนี้จะมีพวก มีผ้าพันคอ หรือ prop เล็กๆ ที่ไม่เด่นมาก แต่บ่งบอกว่าเชียร์ทีมอะไร)
ออกจากสถานีก็รีบไปเช็คอินที่พักที่จองไว้ ซึ่งไม่ไกลจากสถานีรถไฟ เดินเอาก็ได้ แต่สภาพอากาศของลิเวอร์พูลค่อนข้างโหดร้ายเมื่อเทียบกับลอนดอน เพราะเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือและติดทะเล ทำให้อากาศค่อนข้างชื้นแฉะ ฝนตก ลมแรง หนาวกว่าลอนดอน
ระหว่างทางเจอผับ มีโฆษณาบอกว่าวันนี้ John Aldridge ตำนานหงส์จะมาที่ร้านด้วย
หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้ว สอบถามจากพนักงานที่ hostel ได้ความว่า ถ้าจะไปนั่งผับที่มีบอลให้ดู ให้ไปดูที่ผับใกล้ๆ
ภายในผับ ทำเลดี มีทีวีจอใหญ่
ผับของอังกฤษจะแตกต่างจากผับในบ้านเรา โดยคำว่า Pub นั้นย่อมาจาก Public House จะออกไปในลักษณะของร้านที่คนในละแวกนั้นออกมานั่งกันมากกว่าจะเป็นที่สังสรรค์ฟังเพลงอย่างในบ้านเรา มีเสิร์ฟทั้งอาหารและเครื่องดื่ม ถ้าจะสั่งเครื่องดื่มต้องไปต่อคิวรอเองตรงบาร์
ระหว่างที่นั่งจิบเบียร์ รอบอลเตะ เห็นวัยรุ่นกลุ่มหนึ่ง 3-4 คน ใส่เสื้อลิเวอร์พูล รีบกินเบียร์ กินข้าวจนหมด แล้วก็ออกจากร้านไปก่อนบอลเตะ ก็สงสัยว่าทำไม จนกระทั่งบอลเตะ และทีวีในร้านถ่ายทอดคู่ Arsenal ไม่ใช่ Liverpool ถึงได้สงสัย เดินไปถามพนักงาน ได้คำตอบว่า ไม่มีลิขสิทธิ์ถ่ายทอดคู่นั้น ก็เลยต้องรีบซดเบียร์ให้หมดแล้วออกไปหาผับอื่นดู
ออกมาตามหาผับอื่น ท่ามกลางสายฝนปรอยๆ
เดินตามลายแทงที่ hostel ให้มา โชคดีที่ทาง hostel แนะนำผับมาให้หลายที่หน่อย จนมาเจอร้านที่ถ่ายทอดคู่ลิเวอร์พูล
ชื่อผับ The Pilgrim คนเยอะแบบนี้ไม่ผิดแน่
สั่งเบียร์จากบาร์ แล้วต้องยืนกินเพราะไม่มีที่นั่ง
แฟนหงส์เต็มร้าน
บรรยากาศการเชียร์บอลในผับอังกฤษ นับเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ เพราะเกือบทุกคนในร้านพุ่งความสนใจไปที่บอลที่กำลังเตะ และเชียร์ทีมเดียวกันหมดทั้งร้าน ตอนที่มีจังหวะฟาล์ว หรือจังหวะหวาดเสียว จะได้ยินเสียงฮือฮาตลอด แต่เสียดายที่ผลการแข่งขันออกมาไม่เป็นใจ ลิเวอร์พูลแพ้สเปอรส์คาบ้าน โอกาสไปบอลยุโรปหมดสิ้น ทำเอาบรรยากาศหงอยๆ ไปพอควร
ลองคุยกับคนท้องถิ่น (สำเนียงสเกาเซอร์ ฟังยากมาก!) เค้าบอกว่าไม่เป็นไร ฤดูกาลถัดไปจะได้โฟกัสกับบอลในประเทศให้เต็มที่ จำนวนนัดที่ลงเตะน้อยกว่า นักบอลจะได้ไม่ล้า ก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแค่การปลอบใจตัวเองหรือเปล่า
บรรยากาศหงอยๆ นอกร้านหลังบอลจบ
ปกติอยู่เมืองไทยบอลจบก็ดึกแล้ว กลับบ้านได้เลย แต่ลืมไปว่าที่อังกฤษ เวลามันช้ากว่าบ้านเรา ดังนั้นออกจากผับมาแล้วยังสว่างอยู่เลย มีเวลาเดินเที่ยวต่ออีก
ลิเวอร์พูลเป็นเมืองเล็ก ในส่วนตัวเมืองสามารถไปถึงได้หมดในระยะเดินเท้า ทิวทัศน์ก็จะดูเหมือนเมืองบ้านนอกทั่วไปอย่างที่เราเห็นกันในหนังฝรั่ง
สภาพบ้านเรือนทั่วไป
ผนังตึกที่กำลังซ่อมมีภาพหนูของ Banksy ศิลปิน street art ชื่อดังอยู่ด้วย
ถ้าเป็นแถว City Centre ก็จะดูเจริญหน่อย
เดินมาถึงย่านที่มี Pub / Club เยอะๆ
คลับชื่อดัง The Cavern Club
ที่ดังเพราะว่าเมื่อก่อน The Beatles เคยเล่นอยู่ที่นี่
แวะซึมซับบรรยากาศกับ Kronenbourg ขวดเล็ก
ใน The Cavern Club จะเป็นคลับที่อยู่ใต้ดิน มีของที่ระลึกของ The Beatles ขาย ถ้าใครเป็นสาวกสี่เต่าทอง ก็ควรจะมาเหยียบสักครั้ง ถือว่ามาคารวะสถานที่ในตำนาน
ก่อนจะออกมาจากย่านแถวนั้นก็ผ่านหน้า Cafe Sport Bar ซึ่งเป็นร้านที่ Jamie Carragher รองกัปตันทีมลิเวอร์พูลคนปัจจุบันเป็นหุ้นส่วน
หมายเลข 23
ก่อนกลับเข้าที่พัก ก็เดินหาของกิน ซึ่งตอนนั้นร้านส่วนใหญ่ก็เริ่มทยอยปิดกัน ตามผับก็ไม่เสิร์ฟอาหารแล้ว (แต่ยังเสิร์ฟเบียร์อยู่) มาลงเอยเอาร้านฝรั่งเศสเล็กๆ ที่จำชื่อไม่ได้ แต่ราคาโอเคอยู่
พาสต้าอะไรสักอย่าง
อันนี้ก็จำไม่ได้ว่าอะไร
ซุป
ที่จำไม่ได้เพราะว่าก่อนจะมากินมื้อเย็น ก็ซัดเบียร์รวมๆ ไปแล้วประมาณ 4 pint ได้ (2.2 ลิตร) กลับถึงที่พักหลับสบาย
Leave a Reply